เกี่ยวกับเรา

Home / About

เกี่ยวกับเรา

เราคือใคร

มูลนิธิเมอร์ซี่ระนอง เป็นมูลนิธิจดทะเบียนในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่จังหวัดระนอง ก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเด็กชาวมอแกนที่ส่วนใหญ่ไม่มีสถานะทางกฎหมาย บนเกาะเหลา ในทะเลอันดามันของไทย มูลนิธินี้เริ่มต้นโดยอาสาสมัครจากประเทศไทยและออสเตรเลีย และมีคณะกรรมการบริหารที่ประกอบด้วยคนไทยและตัวแทนจากชุมชนมอแกน เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการต่าง ๆ ของเราจะสอดคล้องกับวัฒนธรรมและความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง

งานของเราสานต่อเจตนารมณ์ของคุณพ่อโจเซฟ มาเยอร์ ซิสเตอร์มาเรีย จันทวโรดม และศูนย์เมอร์ซีในกรุงเทพฯ ซึ่งได้ดูแลชุมชนมอแกนมานานกว่า 15 ปี

ในเดือนพฤษภาคม 2567 ศูนย์เมอร์ซีตัดสินใจมุ่งเน้นภารกิจหลักในกรุงเทพฯ และมอบหมายให้มูลนิธิเมอร์ซีระนองดูแลและให้การสนับสนุนเด็ก ๆ ชาวมอแกนบนเกาะเหลาแทน

แม้มูลนิธิเมอร์ซีระนองและศูนย์เมอร์ซีจะมีชื่อและโลโก้ที่คล้ายกัน แต่เป็นองค์กรแยกกันอย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม เรายังคงทำงานร่วมกันในประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการสนับสนุนชุมชนมอแกน (mercyranong.info)

มูลนิธิของเราดำเนินการศูนย์เด็กเล็กบนเกาะเหลา เด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาไทยและอักษรไทย เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ระบบการศึกษาไทย เด็กหลายคนเติบโตบนเรือกับครอบครัว และไม่เคยได้รับการศึกษามาก่อน นอกจากนี้ เรายังมีที่พักที่ปลอดภัยบนฝั่งสำหรับเด็กชาวมอแกนและเด็กไทยที่อยู่ในภาวะเสี่ยง เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าเรียนในระดับประถม มัธยม และอาชีวศึกษาได้ โครงการของเราดำเนินไปได้ด้วยความร่วมมือจากองค์กรพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ เช่น Enfants du Mekong, Rotary Club of Patong Beach, มูลนิธิ Jan and Oscar และ Mercy Centre Australia เรามุ่งมั่นที่จะสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้เด็ก ๆ ชาวมอแกนบนเกาะเหลา เพื่ออนาคตที่สดใสและมั่นคง

After the tsunami, when the reconstruction work was finished, most aid organizations left the area. Then Fr. Joe found the forgotten Moken village on the island Koh Lao that was by-passed by other aid organizations. The villagers were struggling to recover, most of them malnourished and in bad health and a shockingly high infant mortality. Fr. Joe decided to stay and help the village.  With love, medical attention and proper nutrition from the Mercy team the health of the villagers and their children slowly improved.

With the help of 3 other organisations, he built the preschool for the Moken toddlers so that they could learn Thai and enter the Thai school system and the children could attend the Thai school in the nearby fishing village.

Now, nearly two decades have passed, and Mercy Centre finds itself grappling with a severe funding shortage.

Mercy Centre has reluctantly made the difficult decision to focus their limited resources to their primary mission: caring for the impoverished children of Klong Toey in Bangkok.

This is where we step in, dedicated to supporting Father Joe’s vision and continuing his mission to aid the Moken children and continuing to work together with Mercy Centre.

Expert Team - Our Local Team

นโยบายปกป้อง และคุ้มครองเด็ก

สำหรับทุกคนที่มีความเกี่ยวข้อง หรือผู้ที่ทำงานร่วมกันกับมูลนิธิของเรา ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ครู อาสาสมัคร และผู้ที่เข้ามาศึกษาดูงาน ขอให้มีความเคารพในตัวของเด็ก ๆ และเปิดโอกาสให้พวกเขาเติบโต เรียนรู้ และมุ่งมั่นสู่ความฝัน สำหรับเด็ก ๆ ของเราแล้ว ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เรามีนโยบายเพื่อคุ้มครองเด็กและผู้ใหญ่ที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิเมอร์ซี่ ระนอง (MRF)

เอกสารฉบับนี้เป็นบทสรุปของนโยบายการคุ้มครองเด็กและผู้ใหญ่ของมูลนิธิเมอร์ซี่ ระนอง นโยบายนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่อาสาสมัคร ผู้สนับสนุน ผู้บริจาค ผู้เข้ามาศึกษาดูงาน และองค์กรสื่อมวลชน

สามารถขอรับนโยบายการคุ้มครองฉบับเต็มของมูลนิธิเมอร์ซี่ ระนอง ได้โดยติดต่อมูลนิธิโดยตรงทางอีเมลที่ [email protected]

อ่านเพิ่มเติม

นโยบายปกป้อง และคุ้มครองเด็ก

สำหรับทุกคนที่มีความเกี่ยวข้อง หรือผู้ที่ทำงานร่วมกันกับมูลนิธิของเรา ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ครู อาสาสมัคร และผู้ที่เข้ามาศึกษาดูงาน ขอให้มีความเคารพในตัวของเด็ก ๆ และเปิดโอกาสให้พวกเขาเติบโต เรียนรู้ และมุ่งมั่นสู่ความฝัน สำหรับเด็ก ๆ ของเราแล้ว ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เรามีนโยบายเพื่อคุ้มครองเด็กและผู้ใหญ่ที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิเมอร์ซี่ ระนอง (MRF)

This document is a summary of the Mercy Ranong Foundation Safeguarding Policy of the children and vulnerable adults under its care. The Policy is intended to provide information and advice for volunteers, sponsors, donors, visitors and media organizations.

The full MRF Safeguarding Policy may be obtained by contacting the Foundation directly by email at [email protected].

มูลนิธิเมอร์ซี่ระนอง

  • เราตระหนักถึงการดูแล ปกป้องและคุ้มครองเด็กๆคือความรับผิดชอบของทุกคน
  • เราตระหนักถึงคุณค่าเฉพาะและความเป็นเอกลักษณ์ของเด็กและกลุ่มบุคคลที่เปราะบางแต่ละคน
  • เรามุ่งมั่นที่จะเลี้ยงดู ปกป้อง ดูแลเด็กและกลุ่มบุคคลที่เปราะบาง
  • has a Safe Hiring Policy in place and exercises care in the appointment of all those working with children and vulnerable persons
  • Has a Reporting process that ensures that abuse and inappropriate conduct of staff, volunteers, outsiders and visitors that endangers the children and vulnerable persons, is dealt with immediately to ensure the continuing safety of the children and vulnerable adults.

For visits to the Ranong House and the Koh Lao School and for the protection of our children and the community, Mercy Ranong Foundation has the following Visitor Policy in place:

  1. Requests for visits: Mercy Ranong welcomes visitors but requires that visits must be requested at least one week in advance as most staff are not fluent in English and arrangements must be made to have house staff and interpreters available. Requests must be made by email to Mrs Piyarat (Angie)Thunmapimon (Nassenstein), at [email protected].
  1. Identification: Visitors must present identification (passport or driver’s license), and copies will be made. A permanent record of the visitor registry will be maintained for security purposes.
  1. Conduct: All staff, volunteers, caregivers, visitors, and sponsors must treat children, vulnerable adults, and other staff with respect and dignity. Inappropriate, harassing, bullying, abusive, sexually provocative, or demeaning language or behaviour will not be tolerated.
  1. Accompaniment: Visitors or sponsors are not permitted to take or accompany a child under MRF care out of the facility without an MRF staff member, preferably a house mother or permanent caregiver. All visitors and sponsors must have prior approval from the CPO and sign the Visitor Signatory Form for any external events.
  1. Photography and Videography: Visitors must obtain permission from the accompanying Mercy staff member before photographing or filming a child under MRF care. Images must depict children in a dignified and respectful manner, without showing them in vulnerable or submissive positions. Social media posts must not reveal children's full names or reference their health conditions, such as HIV/AIDS. Asking and/or obtaining email or social media ID of the children is not permitted.
  1. Community Visits: Visitors must ask for permission before taking pictures of individuals and children or entering houses in the Moken village.

มูลนิธิเมอร์ซี่ระนอง

สำหรับการเยี่ยมบ้านระนองและศูนย์เด็กเกาะเหลา และเพื่อการปกป้องเด็กและชุมชนของเรา มูลนิธิเมอร์ซี่ ระนองมีนโยบายสำหรับผู้มาศึกษดูงาน ดังต่อไปนี้

  • 1.
    การขอเยี่ยมชม/ศึกษาดูงาน มูลนิธิเมอร์ซี่ ระนอง ยินดีต้อนรับผู้มาเยือน การเยี่ยมชมต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่อง จึงต้องจัดเตรียมพนักงานและล่ามให้พร้อม การขอเยี่ยมชมต้องส่งอีเมลล์ถึง คุณปิยะรัตน์ (Angie) ธรรมาภิมณฑ์ [email protected]
  • 2.
    การแสดงตน ผู้มาศึกษาดูงานจะต้องแสดงบัตรประจำตัว (หนังสือเดินทางหรือใบขับขี่) รายชื่อผู้มาศึกษาดูงานจะถูกบันทึกไว้อย่างถาวร และจะมีการทำสำเนาเก็บไว้เพื่อความปลอดภัย
  • 3.
    ความประพฤติ พนักงาน อาสาสมัคร ผู้ดูแล ผู้มาศึกษาดูงาน และผู้สนับสนุนทุกคนต้องปฏิบัติต่อเด็ก บุคคลที่เปราะบาง และพนักงานอื่น ๆ ด้วยความเคารพและให้เกียรติ เราจะไม่ยอมให้มีการใช้ภาษาหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม คุกคาม กลั่นแกล้ง ล่วงละเมิด ยั่วยุทางเพศ หรือทำให้เสื่อมเสีย
  • 4.
    การพาเด็กออกไปข้างนอก: ผู้มาศึกษาดูงานหรือผู้สนับสนุนจะไม่ได้รับอนุญาตให้นำเด็กภายใต้การดูแลของมูลนิธิออกนอกสถานที่โดยไม่มีพนักงานของมูลนิธิ ซึ่งควรเป็นแม่บ้านหรือผู้ดูแลถาวร ผู้มาศึกษาดูงานและผู้สนับสนุนต้องได้รับการอนุมัติล่วงหน้าจาก CPO และเซ็นแบบฟอร์มการเยี่ยมชมสำหรับกิจกรรมนอกสถานที่
  • 5.
    การถ่ายภาพและวิดีโอ: ผู้มาศึกษาดูงานต้องขออนุญาตจากพนักงานของมูลนิธิก่อนถ่ายภาพหรือวิดีโอเด็กภายใต้การดูแลของมูลนิธิ ภาพถ่ายของเด็กที่ออกมานั้นจะต้องดูเหมาสมและให้เกียรติแก่เจ้าของภาพ โดยไม่แสดงให้เห็นถึงท่าทีที่อ่อนแอหรือยอมแพ้ การโพสต์บนโซเชียลมีเดียต้องไม่เปิดเผยชื่อเต็มหรืออ้างอิงถึงสุขภาวะของเด็ก เช่น HIV/AIDS ท่านจะไม่สามารถขออีเมลหรือโซเชียลมีเดียของเด็ก
  • 6.
    การเยี่ยมชมชุมชน: ผู้มาศึกษาดูงานต้องขออนุญาตก่อนถ่ายภาพบุคคลและเด็ก หรือขออนุญาตก่อนเข้าไปในบ้านในหมู่บ้านมอแกน

ได้รับการรับรอง

มูลนิธิเมอร์ซี่ ระนอง เป็นมูลนิธิไทยที่จดทะเบียนอย่างเป็นทางการ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 ณ จังหวัดระนอง มูลนิธิอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงมหาดไทยและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย

มูลนิธิเมอร์ซีระนองเป็นมูลนิธิไทยที่จดทะเบียนอย่างเป็นทางการ ก่อตั้งขึ้นในจังหวัดระนองเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 ส่วน Mercy Centre Australia (http://mercycentreaustralia.org) ได้รับการจดทะเบียนและภายใต้คณะกรรมการการกุศลและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรแห่งออสเตรเลีย (ACNC)

จะแน่ใจได้อย่างไรว่าการบริจาคของท่านส่งตรงถึงเด็ก ๆ โดยตรง

ชาวมอแกนคือใคร

ชาวมอแกนหรือที่เรียกกันว่า "ชาวเล" ในภาษาไทย เป็นกลุ่มชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ตามทะเลเป็นกลุ่มคนเปราะบาง พวกเขาได้รับความสนใจจากทั่วโลกเนื่องจากความสามารถพิเศษในการสัมผัสถึงสึนามิที่กำลังจะมาถึงในปี 2547

และหาที่หลบภัยได้ทัน มีชาวมอแกนเสียชีวิตเพียงไม่กี่คน แต่เรือประมงของพวกเขาซึ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตถูกทำลาย รวมไปถึงบ้านเรือนก็เสียหาย แม้ว่าหมู่บ้านของพวกเขาจะถูกสร้างขึ้นใหม่และเรือส่วนใหญ่ได้รับการทดแทน

แต่สภาพแวดล้อมของชาวมอแกนก็แย่ลง จากที่เคยสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในหมู่เกาะ 800 แห่งที่รู้จักกันในชื่อหมู่เกาะเมอร์กุย ซึ่งทอดยาวจากพม่าในทางเหนือถึงภูเก็ตในทางใต้ การเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกจำกัดโดยรัฐบาล ด้วยความที่พวกเขาไม่รู้หนังสือและไม่มีสัญชาติ หมู่บ้านของพวกเขาถูกครอบครองโดยเจ้าของที่ดินที่ไร้จรรยาบรรณ ปริมาณปลาในพื้นที่จับปลาแบบดั้งเดิมของพวกเขาถูกลดลงโดยการประมงเชิงพาณิชย์ และพวกเขาถูกทารุณกรรม ถูกกีดกัน และถูกเอารัดเอาเปรียบโดยคนไทย ชาวพม่า และกองทัพพม่าบางกลุ่ม

ผลลัพธ์คือพวกเขาต้องอยู่ในความยากจนในฐานะกลุ่มคนชายขอบ ไม่สามารถที่จะออกทะเลได้อย่างอิสระ อยู่แบบไร้พรมแดน เขาคือกลุ่มคนที่อยู่อย่างสงบสุข ดำรงชีวิตแบบพอเพียง มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพียงเล็กน้อย และปรารถนาเพียงแค่จะอยู่อย่างเงียบสงบโดยไม่ถูกรบกวน

เกาะเหลา

เกาะเหลาอยู่ห่างจากระนองไปทางใต้ประมาณ 30 นาที (โดยสารเรือ) และในบรรดาเกาะทั้งสามที่ชาวมอแกนอาศัยอยู่ เกาะเหลาตั้งอยู่ใกล้กับตัวเมืองระนองและท่าเรือที่คึกคักที่สุด หมู่บ้านมอแกนตั้งอยู่บนชายหาดที่มีกรวดและโคลนเล็กๆ

ซึ่งมักจะเต็มไปด้วยขยะพลาสติกและขยะที่ลอยมาจากท่าเรือระนอง หมู่บ้านและชาวบ้านที่นี่มีความยากจนมาก ไม่มีน้ำดื่มสะอาด ไม่มีไฟฟ้า และไม่มีพื้นที่เพาะปลูกที่เพียงพอในการปลูกผัก เป็นที่น่าสงสัยว่านักท่องเที่ยวจะมาเยือนหมู่บ้านมอแกนบนเกาะเหลาได้อย่างไร เพราะที่นี่ มีบ้านกระท่อมเล็กๆและชายหาดกรวดโคลนที่สกปรก

แต่ที่นี่ก็คือ ที่ที่เด็ก ๆ อาศัยอยู่

thThai
The Mercy Ranong Foundation
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.